womensocool

ไม่ต้องทำศัลยกรรมก็มีใบหน้าเรียวสวยได้ ใครจะไปเชื่อ แต่วันนี้เรามี 6 เคล็ดลับ ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยมาฝาก ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าได้ผลจริงแน่นอน ทั้งยังเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทุกคนก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง แถมไม่ต้องเจ็บตัวอีกด้วย ที่สำคัญปลอดภัยแน่นอน กับ 6 เคล็ดลับง่าย ๆ ดังนี้ 

1.ดื่มน้ำให้เยอะ ๆ 

การดื่มน้ำก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณมีใบหน้าเรียวสวยได้ โดยดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพราะการดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลง ผิวกระชับมากขึ้น ใบหน้าก็ดูเรียวเล็กลงอีกด้วย 

2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

แนะนำว่าควรออกกำลังอย่างน้อยวันละ 30 นาที อาจจะเป็น วิ่ง กระโดดเชือก หรือคาร์ดิโอ เป็นต้น เพื่อช่วยในการเผาพลาญพลังงานในร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลง ผิวตึงกระชับมากขึ้น ใบหน้าก็ดูเรียวแน่นอน 

3.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ 

ใครที่มีอาการบวมหลังจากดื่มหนัก ๆ มา นั่นหมายความว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดคุณสูงมาก ทำให้ร่ายการขาดน้ำหรือสูญเสียน้ำจำนวนมาก ส่งผลให้ใบหน้าบวม ดังนั้นการที่จะมีผิวหน้ากระชับได้ จะต้องหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ดีที่สุด 

4.ลดเค็ม หลีกเลี่ยงโซเดียม 

อาหารที่มีรสเค็มสูง หรือมีปริมาณโซเดียมที่สูงมาก ๆ จะทำให้เกิดอาการบวม น้ำหนักเพิ่มขึ้น หากทานในปริมาณที่มากเกินไปร่างกายจะกักเก็บน้ำมาก ส่งผลทำให้เกิดอาการบวม ดังนั้นจะมีใบหน้าเรียวสวยได้ควรหลีกเลี่ยงการทานโซเดียม หรือใก้ทานในปริมาณที่พอดีเท่านั้น 

5.รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง 

อาหารที่มีไฟเบอร์สูงช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดี โดยอาจจะเลือกทานเป็น ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ข้าวกล้อง คะน้า หรืออะโวคาโด เป็นต้น ซึ่งผัก ผลไม้ดังกล่าวนอกจากจะสามารถช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายแล้วยังช่วยควบคุมน้ำหนักอีกด้วย ส่งให้ใบหน้าเรียวสวยแน่นอน 

6.ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยด้วยการอมขวดน้ำ 

เริ่มจากใส่น้ำ 100 มิลลิกรัมลงไปในขวดน้ำขนาด 500 มิลลิกรัม จากนั้นใช้ริมฝีปากดูดปากขวดน้ำพร้อมยกขวดน้ำขึ้นโดยไม่ใช้ฟัน ทำค้างไว้ 10 วินาที 2-3 ครั้งต่อวัน จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อได้ ใบหน้าจึงดูเรียวเล็กลงอย่างทันใจ

เมื่อรู้แบบนี้แล้วหากต้องการมีใบหน้าที่เล็กเรียวดูสวยงามขึ้น ก็สามารถนำวิธีดังกล่าวไปทำตามได้เลย รับรองว่าคุณจะต้องมีใบหน้าที่เรียวสวย เป็นธรรมชาติชวนหลงใหลไม่น้อยอย่างแน่นอน แถมยังเป็นวิธีที่จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ด้วย ซึ่งบอกเลยว่าใครนำไปทำตามมีแต่คุ้ม เพราะทั้งสวยทั้งประหยัด และได้ผลเร็วสุดๆ

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

หลายคน มักมีความกังวลว่า จะเกิดริ้วรอย หรือแก่ก่อนวัยเมื่อยังไม่ถึงวัยที่ควรจะเป็น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่จะทำให้คุณแก่ก่อนวัยพร้อมกับมีริ้วรอยบนใบหน้านั้นจริง ๆ แล้วไม่ได้เกิดขึ้นตามช่วงวัยเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยที่คุณไม่รู้ตัว ดังนั้นหากคุณไม่อยากแก่ก่อนวัยแบบไม่รู้ตัว ควรหลีกเลี่ยง 5 สิ่งที่ทำให้คุณแก่เร็วแบบไม่รู้ตัวโดยด่วน

1.ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ 

อาหาร เป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อตัวเรามาก เพราะฉะนั้นคุณจะมีสุขภาพที่ดีได้ควรเลือกทานเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยง การทานอาหารขยะ ไม่ว่าจะเป็น ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้นอกจากจะทำให้เสียสุขภาพแล้วยังทำให้แก่เร็วอีกด้วย 

2.พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกายมาก ๆ เพราะคุณจะมีสุขภาพที่ดีได้ต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ทำการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ร่องลึก การมีผิวคล้ำ เพราะฉะนั้นหากคุณไม่อยากแก่เร็วและมีสุขภาพที่ไม่ดีควรพักผ่อนให้เพียงพอ 

3.การสูบบุหรี่ ทำให้ แก่เร็วแบบไม่รู้ตัว

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าการสูบบุหรี่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีอยู่แล้ว เนื่องจาก สารพิษที่อยู่ในบุหรี่จะเข้าไปทำลายสุขภาพ ซึ่งนอกจาก จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคแล้วยังทำให้เกิดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าอีกด้วย ไม่เพียงแค่นี้ ยังส่งผลต่อผิวส่วนต่าง ๆ ทำให้เกิดผิวเหี่ยวย่น คล้ำดำ ดูไม่สดใสได้เช่นกัน

4.ไม่ใส่ใจสุขภาพ 

การไม่ใส่ใจสุขภาพจะทำให้คุณเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย ทั้งยังทำให้แก่ก่อนวัยได้เร็วอีกด้วย ดังนั้นแล้วหากคุณไม่อยากแก่ก่อนวัยหรือไม่อยากเกิดโรคต่าง ๆ ควรเอาใจใส่สุขภาพตลอดเวลา โดยเริ่มจากการทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำด้วย

5.การมีบุคลิกที่ผิด

ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง การยืน หากเป็นท่าทางที่ผิดอาจจะทำให้คุณดูแก่เกินวัย เนื่องจากกล้ามเนื้อมีการทำงานหนักข้อต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็จะมีการทำงานผิดปกติ โดยส่งผลให้เกิดโรคทางกระดูกได้ง่ายอีกด้วย 

ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 สิ่งที่ไม่ควรทำหากคุณยังไม่อยากแก่ก่อนวัย เพราะฉะนั้นแล้วการที่คุณจะมีสุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรงไม่แก่ก่อนวัย ก็ควรควรทานอาหารที่ประโยชน์ ดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพียงแค่นี้คุณก็จะดูสดใส อ่อนเยาว์ และมีสุขภาพที่ดีได้แล้ว 

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

ริมฝีปาก เป็นอวัยวะที่โดดเด่นและดึงดูดเพศตรงข้ามให้หลงใหลได้ แต่ปัญหาเกี่ยวกับริมฝีปาก ที่หลายคนมักเจอบ่อย ๆ นั่นก็คือ ริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุย ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ทำให้เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นหลายคนก็เกิดความกังวลและไม่มั่นใจในตนเอง แต่ต่อไปนี้คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะเรามีวิธีแก้ปัญหาริมฝีปากเป็นขุยมาฝาก กับวิธีง่าย ๆ ดังนี้

1. ดื่มน้ำสม่ำเสมอ อย่างเพียงพอ 

คุณควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-9 แก้ว เพราะการดื่มน้ำจะช่วยให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมากขึ้น และแน่นอนเลยว่าหากคุณดื่มน้ำเป็นประจำ อย่างเพียงพอคุณจะมีริมฝีปากที่อวบอิ่ม มีความชุ่มชื้น เป็นธรรมชาติอย่างมาก  นั่นก็เพราะว่าการดื่มน้ำจะทำให้ผิวของคุณไม่ขาดน้ำ ผิวไม่แห้ง และไม่ก่อให้เกิดปัญหาริมฝีปากลอกอีกด้วย 

2. เลิกพฤติกรรมเลียปาก 

การเลียปากบ่อย ๆ นอกจากจะทำให้คุณดูเป็นคนที่มีบุคลิกไม่ดี แล้วยังทำให้คุณมีปัญหาเกี่ยวกับริมฝีปากอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากดำ ริมฝีปากแห้ง ดังนั้นหากใคร ที่มีพฤติกรรมนี้อยู่คุณควรที่จะเลิกทันที หากคุณอยากมีริมฝีปากอมชมพู สวยสดใส แต่หากคุณรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งก็เปลี่ยนจากการเลียมาเป็นการดื่มน้ำแทนจะดีกว่า 

3. ริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุยต้องทาลิปบาล์ม 

ลิปบาล์มหรือลิปมัน ถือเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหาริมฝีปากลอก เป็นขุย เพราะลิปบาล์มจะทำให้ริมฝีปากของคุณดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวลตลอดเวลา ทั้งยังทำให้ริมฝีปากไม่แห้งลอกอีกด้วย อาจจะเลือกที่เปลี่ยนสีเพื่อความสดใส สวยงามด้วยก็ได้ สำหรับการทาลิปบาล์มนั้นสามารถทาได้เรื่อย ๆ ตลอดระหว่างวัน

4. ทานอาหารเสริมวิตามิน 

สำหรับอาหารเสริมวิตามิน ที่จะช่วยให้ริมฝีปากอวบอิ่ม ชุ่มชื้น ไม่ลอกเป็นขุยคืออาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ซึ่งการทานในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวลดลงจะหายไปได้ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากลอกได้แล้วการทานวิตามินยังทำให้มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีแก้ปัญหาริมฝีปากแห้งลอกเป็นขุยแบบง่าย ๆ ที่เรานำมาฝาก ซึ่งก็เป็นวิธีที่สามารถช่วยได้จริง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ตอบโจทย์ได้ดีมาก ๆ อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วหากใครที่มีปัญหาริมฝีปากแห้งลอกอยู่ละก็ คุณสามารถนำวิธีที่เราแนะนำดังกล่าวไปใช้ได้เลย รับรองคุณจะมีริมฝีปากที่อวบอิ่มน่ามองมากขึ้นอย่างแน่นอน 

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

การมีผมสวยเงางาม ดูเป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่สาว ๆ ทุกคนต่างมีความต้องการ วันนี้เราเลยมี 5 เคล็ดลับ ดูแลเส้นผมให้นุ่มสลวย ไม่แห้งเสียชี้ฟูมาฝาก ซึ่งเป็นวิธีง่าย ๆ ไม่ต้องใช้งบเยอะก็มีผมนุ่มสลวยได้ แต่จะมีอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า 

1. หวีผมให้เรียบก่อนเข้านอนทุกครั้ง 

หลังจากอาบน้ำสระผมเรียบร้อยแล้ว คุณควรที่จะเป่าผมให้แห้งก่อนนอน ไม่ควรเข้านอนทั้งผมเปียก และที่สำคัญคือเมื่อผมแห้งแล้วควรหวีผมให้เรียบร้อย แนะนำให้ใช้หวีที่มีความนุ่มเพราะจะช่วยถนอมเส้นผม ทำให้ผมไม่ขาดง่ายอีกด้วย 

2. บำรุงผมด้วยเซรั่ม ดูแลเส้นผมให้นุ่มสลวย

ผมก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่ต้องการการบำรุงด้วยเซรั่มเช่นกัน เพื่อให้ผมมีสุขภาพที่ดีอยู่ตลอดเวลา และเพื่อให้มีความแข็งแรงด้วย โดยอาจจะใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันสกัดจากดอกไม้ จะช่วยบำรุงเส้นผมให้มีความเงางาม นุ่มสวยได้ดีมาก

3. นวดศีรษะเพื่อความผ่านคลาย 

หากคุณไม่มีเวลาก็สามารถเข้าร้านสระไดร์ได้เลย โดยช่างทำผมจะทำการนวดศีรษะให้คุณเมื่อสระผม ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เบาสบาย และยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ดีอีกด้วย ส่งผลให้หนังศีรษะมีความแข็งแรง รากผมแข็งแรงขึ้น ทั้งนี้ก่อนเข้านอนก็อาจจะนวดเองเบา ๆ ให้ทั่วศีรษะด้วยก็ได้ 

4. ล็อกความชุ่มชื้นด้วยทรีตเม้นต์

สำหรับใครที่มีปัญหาผมแห้งเสีย ชี้ฟู และขาดง่าย การใช้ทรีตเม้นต์จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมได้ ทั้งยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้สุขภาพดีอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ทำให้ผมของคุณมีความชุ่มชื้น ไม่แห้งเสีย ไม่ชี้ฟูและไม่ขาดหลุดร่วงได้ง่าย ดังนั้นหลังสระผมควรทำทรีตเม้นต์ผมทุกครั้ง

5. หมักผมด้วยครีมนวดผม 

บางครั้งการสระผมด้วยแชมพูเพียงอย่างเดียว อาจจะยังไม่เพียงพอต่อการบำรุงเส้นผม เพราะฉะนั้นหลังสระผมควรหมักผมด้วยครีมนวดสักพัก เพื่อเป็นการบำรุงเส้นผม และรากผมให้แข็งแรง พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความเงางาม ให้ดูเป็นธรรมชาติ โดยแนะนำให้เลือกครีมหมักผม ที่เหมาะกับสภาพผมของเราด้วยนะ 

ใครมีปัญหาเกี่ยวกับผมแห้งเสีย ผมชี้ฟู ก็ลองนำวิธีต่าง ๆ ที่ทีมงาน womensocool นำมาแนะนำไปใช้ได้เลย รับรองว่าคุณจะต้องมีผมที่นุ่มสลวย เงางาม และดูเป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน และที่สำคัญอย่าลืมหลีกเลี่ยงตัวการต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้ผมเสียด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาน้ำหนักตัวมาก เป็นโรคอ้วน พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ลดลงสักที และอยากจะมาลองลดน้ำหนักแบบ IF ดู วันนี้เราก็มีทริคน่ารู้ดีๆ มาแนะนำกันด้วย เพื่อให้คุณสามารถลดความอ้วนด้วยวิธีนี้อย่างได้ผลมากขึ้น โดยมีทริคอย่างไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า

4 ทริคน่ารู้ การลดน้ำหนักแบบ IF

1.ดื่มน้ำให้มากขึ้น 

ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น โดยเฉพาะหลังตื่นนอนให้ดื่มน้ำ 1 แก้วใหญ่ทันที เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกสดชื่นมาก ๆ แล้ว ยังช่วยคลายความหิวได้ด้วย จึงลดน้ำหนักได้ง่ายกว่าเดิม อีกทั้งการดื่มน้ำช่วงเช้าหลังตื่นนอนก็จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้มีการทำงานที่ดีขึ้น ส่งผลให้การขับถ่ายคล่อง ลดอาการท้องผูกได้อย่างดีเยี่ยม

2.ดื่มกาแฟหรือสมุนไพร เป็นตัวช่วย 

นอกจากการดื่มน้ำหลังตื่นนอนแล้วการดื่มกาแฟดำหรือเครื่องดื่มที่ปราศจากแคลอรี่ เช่น ชาสมุนไพร น้ำเปล่าผสมมะนาว เป็นต้น ก็จะช่วยลดน้ำหนักได้ดี เพราะการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในช่วงเช้าจะช่วยควบคุมความหิวได้ชั่วคราว และยังทำให้เรารู้สึกตื่นตัวมากขึ้น พร้อมกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงสลายไขมันส่วนเกินได้ง่ายขึ้นไปอีก

3.เริ่มทำ IF หลังมื้อเย็น 

สำหรับช่วงเวลาในการเลือก Fasting ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะการที่เราเลือกอดอาการในช่วงเวลาที่ร่างกายของเราพักผ่อน จะสามารถจัดการกับความรู้สึกหิวได้ดีขึ้น และการทำ ไอเอฟ ส่วนใหญ่ในรูปแบบนี้ก็เป็นวิธีที่จะทำให้หลาย ๆ คนมีโอกาสประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักได้ดีมาก ๆ อีกด้วย จึงควรเลือกทำ ไอเอฟ หลังอาหารมื้อเย็นจะดีที่สุด แต่สำหรับใครที่ทำงานกลางคืน นอนกลางวัน แนะนำว่าให้เลือกช่วงเวลา Fasting เป็นตอนกลางวันจะดีกว่า

4.เลือกทานอาหารคุมแคลให้มั่น 

คุณควรเน้นการทานโปรตีน ไขมันดี ผักใบเขียว และดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ที่สำคัญคือจะต้องหลีกเลี่ยงการทานน้ำตาล คาร์บ ให้มากที่สุด เพราะยิ่งเราสามารถคุมการทานอาหารได้ดีมากเท่าไหร่การทำ ไอเอฟ ก็จะยิ่งมีผลไวมากขึ้นเท่านั้น และแน่นอนเลยว่าหากเราไม่คุมแคลให้ดีที่ทำมาทั้งหมดอาจจะพังก็ได้ 

และนี่ก็คือทริคดีๆ ในการทำ ไอเอฟ ให้ได้ผลดียิ่งขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามนอกจากเคล็ดลับที่เรานำมาฝากแล้วคุณควรที่จะออกกำลังกายอย่างเหมาะสมด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีหรือหากใครที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้แล้วรู้สึกว่าไม่เห็นผล ก็สามารถลองวิธีอื่น ๆ ได้ เพราะบางคนอาจจะไม่เหมาะกับวิธีนี้เนื่องจากต้องควบคุมอาหารเป็นหลัก และพฤติกรรมการทานอาหารของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

ผู้หญิงอย่างเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าอาการปวดท้องประจำเดือนเป็นอาการที่แสนจะทรมานมาก ๆ บางคนมีอาการปวดประจำเดือนจนแทบจะทำอะไรไม่ได้กันเลยทีเดียว ซึ่งเราเชื่อว่าโดยส่วนใหญ่มักจะมีอาการเดียวกันอย่างแน่นอน และหลายคนก็คงมองหาวิธีบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ นานา เพื่อให้อาการทุเลาลงมากที่สุด โดยวันนี้เราก็มี 5 วิธี บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนที่ทำแล้วได้ผลมาฝากกันด้วย ได้แก่

1.ดื่มน้ำขิง

น้ำขิงจะมีรสเผ็ดร้อนซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดีมาก ๆ เนื่องจากน้ำขิงจะกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่แนะนำให้เลือกดื่มเป็นนำขิงอุ่นจัดจะดีที่สุด เพราะจะสามารถช่วยในเรื่องของอาการเกร็งกล้ามเนื้อ ให้รู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งน้ำขิงยังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย 

2.ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว 

น้ำอุ่นจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งตัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือน ทั้งยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนที่เป็นอยู่ค่อยๆ ทุเลาลงไปและหายปวดในที่สุด นอกจากนี้ก็ยังลดการเกาะตัวเป็นลิ่มเลือดของประจำเดือนได้เช่นกัน

3.นอนพัก 

การนอนพักอยู่นิ่ง ๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ดีมาก ๆ เมื่อคุณมีอาการปวดประจำเดือนลองนอนนิ่ง ๆ เฉย ๆ ประมาณ 3-5 นาที จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยขอแนะนำให้นอนในท่างอตัว ยกเข่าขึ้นมาให้ขนานกับหน้าอกจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้แน่นอน 

4.ทานยาแก้ปวดท้องประจำเดือน

สำหรับใครที่รู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้นเลยไม่ว่าจะทำด้วยวิธีไหนก็ตาม การทานยาแก้ปวดประจำเดือนสักเม็ดก่อนทานอาหารก็จะสามารถลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ แถมยังเห็นผลทันทีอีกด้วย แต่ก็ไม่ควรที่จะทานยามากเกินไปเช่นกัน

5.ประคบน้ำร้อน 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดประจำเดือนบ่อย ๆ ควรมีถุงประคบร้อนติดบ้านไว้ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกปวดประจำเดือนคุณสามารถนำน้ำร้อนใส่ถุง และนำมาประคบบริเวณท้องน้อยได้เลย โดยความร้อนจะช่วยให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งผ่อนคลาย ซึ่งคุณอาจจะใช้วิธีนี้ร่วมกับการดื่มน้ำอุ่นหรือการดื่มน้ำขิงด้วยก็ได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนที่สามารถช่วยลดอาการปวดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่มีอาการปวดท้องประจำเดือนบ่อย ๆ แต่ทำอย่างไรก็ไม่หายปวดสักที สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปลองใช้ได้เลย จะช่วยบรรเทาอาการปวดให้กับคุณได้ดีไม่น้อยอย่างแน่นอน 

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

สำหรับสาวๆ แล้ว สิวถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว เพราะเมื่อเป็นแล้วกว่าจะรักษาให้หายได้นั้น ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร แถมบางคนยังเป็นสิวเห่อขึ้นมาอีก และทิ้งรอยดำรอยแดงไว้ให้กวนใจ แต่ก็ไม่ต้องเครียดไป เพราะวันนี้ทีมงาน womensocool มีวิธีรักษาสิวด้วยมะนาวแบบเร่งด่วนมาฝาก เพียงใช้น้ำมะนาวในการกำจัดสิวเท่านั้น โดยจะต้องทำอย่างไรไปดูกันเลย

มะนาว รักษาสิวแบบเร่งด่วนได้จริงหรือ

อันดับแรกก็ขอบอกก่อนเลย ว่ามะนาวนั้นสามารถรักษาสิวได้จริง เพราะมีกรดผลไม้ที่เรียกว่า AHA อยู่ โดยจะช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ และทำให้สิวยุบเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรใช้น้ำมะนาวที่มีความเข้มข้นมากเกินไป และไม่ควรใช้บ่อยๆ เพราะจะทำให้เกิดการแพ้ได้นั่นเอง 

วิธีการรักษาสิวด้วยมะนาว ทำอย่างไร

สำหรับวิธีที่เราจะแนะนำวันนี้ก็ง่ายมาก ไม่ต้องใช้วัตถุดิบอะไรมากมาย มีแค่มะนาวก็พอ โดยให้คุณบีบน้ำมะนาวใส่ลงในถ้วยหรือแก้วก็ได้ เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย เพื่อเจือจางความเข้มข้น ของกรดให้ลดลง จากนั้นก็นำมาแต้มบนหัวสิวได้เลย แนะนำให้ทำก่อนนอนจะดีที่สุด เพราะจะได้ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วมาล้างออกตอนเช้านั่นเอง แต่ก็ต้องดูด้วยนะว่าผิวของคุณบอบบางแพ้ง่ายหรือไม่ ซึ่งใครที่มีผิวบอบบางก็ให้ทาทิ้งไว้แค่ 10-15 นาทีก็พอ ทำเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน รับรองว่าสิวหายแน่

คำแนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น

นอกจากนำน้ำมะนาวมาแต้มที่สิวแล้ว ก็มีอีกหนึ่งวิธีรักษาสิวแบบเร่งด่วน ที่ควรทำควบคู่กันไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น นั่นคือการดื่มน้ำมะนาวนั่นเอง โดยจะช่วยแก้ปัญหาสิวจากภายใน แถมยังทำให้ขับถ่ายคล่อง และดีต่อสุขภาพอีกด้วย ซึ่งวิธีนี้ให้คุณนำน้ำมะนาวมาผสมกับน้ำเปล่า จากนั้นดื่มบ่อยๆ ตลอดวัน เท่านี้สิวก็จะยุบเร็วพร้อมกับมีสุขภาพที่ดี ผิวพรรณสวยใสแล้วล่ะ นอกจากนี้อย่าลืมงดพวกอาหารหวานๆ มันๆ ที่เป็นตัวการกระตุ้นสิวด้วย รวมถึงหมั่นล้างหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยได้มากทีเดียว

เห็นไหมว่า การรักษาสิวนั้นไม่ยากเลย แค่ใช้มะนาวก็สามารถ กำจัดสิวได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยไม่ต้องไปเข้าคลินิก หรือซื้อยารักษาสิวราคาแพงมาใช้ ใครที่กำลังกังวลกับปัญหาสิว ก็ต้องลองทำตามวิธีนี้กันดู แต่ทั้งนี้ก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน นั่นคือไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้กับคนที่แพ้มะนาว หรือเป็นโรคข้อต่ออักเสบ เพราะจะทำให้อาการเหล่านี้กำเริบรุนแรงขึ้นมานั่นเอง เป็นอย่างไรกันบ้าง กับเนื้อหาที่เราได้แนะนำในวันนี้ หากชื่นชอบ สามารถคอมเมนต์บอกกันได้เลย

อยากมีผิวสวย ให้ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรัก แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี วันนี้เรามีเคล็ดลับผิวสวยมาฝาก ซึ่งจะทำให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดีได้อย่างง่ายดาย แถมไม่ต้องเสียเงินไปเข้าคลินิกเสริมความงามราคาแพงอีกด้วย แค่ทำตามนี้เป็นประจำทุกวัน รับรองว่าคุณจะต้องได้ผลลัพธ์ที่โดนใจอย่างแน่นอน

1.บำรุงผิวอยู่เสมอ

คุณจะต้องหมั่นบำรุงผิวพรรณอยู่เสมอ โดยอาจจะใช้ครีม โลชั่น หรือเซรั่มที่มีส่วนช่วยในการบำรุงฟื้นฟูผิวก็ได้ เพราะผิวของเรานั้นต้องเจอกับมลภาวะต่างๆ มากมาย ทำให้ผิวถูกทำร้ายจนอ่อนแอลง การบำรุงเพื่อฟื้นฟูผิวจึงเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยเชียว

2.ดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตรขึ้นไป

การดื่มน้ำเยอะๆ นอกจากจะสร้างสมดุลที่ดีให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น ชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดีอีกด้วย ทั้งยังลดปัญหาผิวแห้งกร้านที่มักจะเกิดในช่วงหน้าหนาวได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นมาดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรกันเลยดีกว่า

3.สครับผิวทุกสัปดาห์ เคล็ดลับผิวสวย

การสครับผิวจะช่วยขัดขี้ไคล กำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก ทำให้ผิวดูสวยกระจ่างใสมากขึ้น โดยแนะนำให้ทำสัปดาห์ละครั้งจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากทีเดียว โดยคุณอาจจะซื้อสครับสำเร็จรูปมาทำ หรือใช้สูตรสครับจากธรรมชาติก็ได้ แต่ในการสครับจะต้องทำอย่างเบามือ อย่าขัดถูรุนแรงเกินไป เพราะจะทำร้ายผิวได้นั่นเอง

4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อน ถือเป็นเคล็ดลับที่ทำง่ายมาก และได้ผลดีจริง เพราะเมื่อเรานอนหลับอย่างเพียงพอ ผิวก็จะได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟูจากภายใน ทำให้ผิวสวยใส น่าสัมผัส ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักแน่นอน แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย โดยการนอนหลับที่ดีก็คือนอนก่อน 4 ทุ่ม และนอนหลับยาว 6-8 ชั่วโมง

5.ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

ไม่ว่าจะดูแลผิวดีแค่ไหน แต่สุดท้าย ถ้าถูกแสงแดดแผดเผาอย่างรุนแรง ก็ทำให้ผิวเสียได้เหมือนกัน ดังนั้นคุณควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง และทาซ้ำบ่อยๆ ระหว่างวัน ก็จะช่วยปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากรังสี UVA UVB ได้แล้ว

อยากมีผิวสวยไม่ยาก แค่ดูแลผิวของคุณเป็นประจำด้วยเคล็ดลับที่เราได้แนะนำไป ก็จะทำให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดี ไม่มีปัญหาผิวมากวนใจแล้วล่ะ ซึ่งยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งต้องดูแลผิวมากขึ้น เพราะฉะนั้นจะละเลยไม่ได้เลยเชียว

อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม เกี่ยวกับผู้หญิง ที่ womensocool.com และสามารถแนะนำ เพิ่มเติมให้เราได้ที่คอมเมนต์ด้านล่าง