womensocool.com

บทความล่าสุด

  • 6 อาหารคุมน้ำตาลในเลือด เหมาะกับคนเป็นเบาหวานที่สุด

    13 มกราคม 2022
  • น้ำมูกสีไหน บอกอะไรบ้าง คุณกำลังป่วยเป็นอะไรกันแน่

    12 มกราคม 2022
  • 5 ที่ดัดขนตา เนรมิตขนตาให้งอนสวย ดูเป๊ะมากขึ้น

    11 มกราคม 2022
  • สีกระเป๋าสตางค์ เรียกทรัพย์ ใช้แล้วเงินปัง

    10 มกราคม 2022
  • เงินขวัญถุง แบงค์มงคลเรียกทรัพย์

    9 มกราคม 2022
@2020 - All Right Reserved. Designed and Developed by womensocool.com
Author

womensocool

womensocool

สุขภาพ

โอมิครอน โควิดสายพันธุ์ใหม่ แพร่เชื้อเร็วกว่าเดิม

by womensocool 3 มกราคม 2022
written by womensocool

โอมิครอน (Omicron) โรคโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่เพิ่งเริ่มระบาดมาได้ไม่นาน และในประเทศไทยเราก็พบโควิดสายพันธุ์นี้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน โอมิครอนถือเป็นโควิดอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่แพร่ได้อย่างรวดเร็ว และมีความอันตรายมากยัง ไม่มีวัคซีนหรือยาปฏิชีวนะใดๆ  สามารถป้องกันหรือควบคุมได้ ทั่วโลกจึงต้องเฝ้าระวังและให้ประชาชนร่วมมือช่วยกันป้องกันเพื่อไม่ให้ระบาดหนักมากไปกว่านี้

โอมิครอน

อาการของโควิดสายพันธุ์ โอมิครอน

สำหรับอาการที่บ่งชี้ว่าอาจจะติดเชื้อไวรัสโควิด 19 โอมิครอนสายพันธุ์ใหม่นั้น เบื้องต้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศเตือนประชาชนให้ระวังและช่วยกันป้องกันโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่และได้ประกาศเตือนว่าหากมีอาการดังต่อไปนี้อาจจะเสี่ยงติดเชื้อโอมิครอนแล้วก็ได้

  • เริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการจาม มีน้ำมูก และปวดหัว
  • ต่อมาจะเริ่มอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และเจ็บคอ
  • บางรายจะมีอาการเหงื่อออกในช่วงเวลากลางคืน

วิธีป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโควิด

เชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ โอมิครอนสามารถแพร่กระจายได้เร็ว จากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เพราะฉะนั้นทุกคนจะต้องดูแลป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวโดยการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดดังนี้

1.สวมหน้ากากอนามัย

หากพบว่ามีอาการป่วยด้วยอาการ ไอ มีน้ำมูกคล้ายเป็นไข้หวัด ให้สวมหน้ากากเพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่คนในครอบครัวและคนรอบข้าง

2.หมั่นล้างมือให้สะอาด

ควรหมั่นล้างมือให้สะอาดเพื่อขจัดเหงื่อไขมันและสิ่งสกปรกต่างๆ ด้วยสบู่โดยใช้เวลาในการล้างมือนาน  15-20วินาทีโดยการล้างตามซอกนิ้วมือวนๆไปมาตามฝ่ามือทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  หรือจะล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70%

3.ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นอย่างเช่น จาน ชาม ช้อนส้อม แก้วน้ำ  ควรแยกใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน เพราะอาจเสี่ยงทำให้ติดเชื้อโควิด 19 ได้ควรระวังให้มาก

4.ดูแลควบคุมสุขอนามัยในบ้าน

ดูแลทำความสะอาดบ้านและของใช้ในบ้านด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างสม่ำเสมอ และจัดบ้านให้มีอากาศถ่ายเทเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด 19 

5.อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

หากไม่จำเป็นก็ควรอยู่บ้านเพื่อลดความเสี่ยง ทั้งการกระจายและการรับเชื้อโดยที่ไม่รู้ตัว และหากมีการเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดก็ควรกักตัวเองอยู่ที่บ้าน 14 วัน และหากมีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกและมีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศาควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาโรค

สถานการณ์ระบาดโควิด 19 ทั่วโลกยังไม่ทันชาก็มีสายพันธุ์ใหม่มาเพิ่มอีกแล้ว นั่นก็คือสายพันธุ์ “โอมิครอน” เป็นสายพันธุ์ที่แพร่ได้อย่างรวดเร็วและผู้ที่ติดเชื้อก็มักจะไม่แสดงอาการใดๆ จึงยากต่อการควบคุม เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องร่วมมือกันปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นเพื่อช่วยควบคุมโรคโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ให้ได้

3 มกราคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
ความงามทรงผมผู้หญิง

สิ่งที่ไม่ควรทำ หลังจากทำสีผมมาใหม่ๆ

by womensocool 2 มกราคม 2022
written by womensocool

สำหรับใครที่ทำสีผมบ่อย ๆ ก็จะรู้ว่าหลังจากที่ทำสีผมมานั้นสิ่งที่ไม่ควรทำมีอะไรบ้าง เพราะช่างมักจะบอกเสมอว่าหลังจากทำสีผมห้ามทำอะไร แต่หากใครที่เพิ่งทำสีผมแล้วยังไม่รู้ว่าไม่ควรทำอะไรบ้างวันนี้เรามีข้อห้ามหลังจากทำสีผมมาฝาก ไปดูกันเลยดีกว่า

ทำสีผม

1.ไม่ปล่อยผมให้เปียกนาน ๆ 

หลายคนละเลยข้อนี้อย่างมาก เพราะเมื่อสระผมเสร็จก็มักจะปล่อยให้ผมเปียกด้วยการปล่อยให้แห้งเอง หรือไม่เช็ดผมทันทีหลังจากที่สระผมเสร็จ ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมนี้จะทำให้สีผมของคุณซีดจางได้เร็วไม่คงสภาพที่ทำมา ที่สำคัญยังเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมของคุณให้เสีย และมีสุขภาพที่ไม่ดีได้ด้วย ดังนั้นหลังจากสระผมเสร็จแล้วต้องเช็ดผมให้แห้งทันที หรือเป่าผมด้วยไดร์เป่าก็ได้ เท่านี้ก็ไม่เกิดปัญหาแล้ว

2.ไม่สระผมด้วยแชมพูทันทีหลังจากทำสีผม 

หลังจากที่คุณเพิ่งออกจากร้านทำผมใหม่ ๆ ไม่ควรที่จะสระผมด้วยแชมพูเด็ดขาด แนะนำว่าให้เว้นระยะห่างในการสระผมหลังจากที่เพิ่งทำสีผมมาอย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมง  นั่นก็เพื่อเป็นการช่วยให้สีผมที่ทำมาไม่ซีด หรือจางได้ง่าย ๆ เพราะหากคุณสระผมทันทีหลังจากที่ทำสีผมโอกาสที่สีผมจะจางนั้นเป็นไปได้สูงมากทีเดียวอดทนรอสักนิดแล้วค่อยสระจะดีกว่า

3.ไม่ควรแช่ผมขณะแช่ในอ่างอาบน้ำ 

หลังจากที่ทำสีผมมานั้นในขณะที่กำลังอาบน้ำและแช่อยู่ในอ่างที่มีอุณหภูมิน้ำอยู่ที่ 39-41 องศาเซลเซียส คุณไม่ควรที่จะปล่อยให้ผมของคุณลงไปแช่ในน้ำเด็ดขาด เพราะความร้อนจะทำลายสีผมของคุณได้ โดยการทำให้สีหลุด ซีด จางได้ง่าย เพราะฉะนั้นแล้วหากคุณจะลงแช่น้ำอุ่นในอ่างไม่ควรปล่อยให้ผมของคุณลงไปแช่ในน้ำด้วย ควรใช้ที่คลุมหรือมัดผมให้ดี ไม่อย่างนั้นผมของคุณจะเสียหายได้จนอาจจะต้องกลับไปทำสีใหม่อีกครั้งเลยก็ได้

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อห้ามที่ไม่ควรทำอย่างมากหลังจากที่คุณทำสีผมจากร้านทำผมมาใหม่ เพราะอาจจะทำให้สีผมที่ทำมาซีด จาง ดูไม่สวยได้ ทั้งยังทำให้ผมของคุณมีสุขภาพที่แย่ลงอีกด้วย ดังนั้นแล้วหลังจากที่ทำสีผมมาใหม่ ๆ ต้องระวังและดูแลผมให้ดีเพื่อจะได้มีสีที่สวยสดใสอยู่ตลอดเวลานั่นเอง 

2 มกราคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
สุขภาพ

5 อาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย หลังจากอาการป่วย

by womensocool 1 มกราคม 2022
written by womensocool

หลายคนที่หายจากอาการป่วย และร่างกายยังไม่ค่อยแข็งแรงยังรู้สึกอ่อนเพลีย อยากจะฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม วันนี้เรามี 5 อาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายสำหรับคนที่หายป่วยโควิด ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งได้เร็วขึ้นมาแนะนำกัน จะมีอาหารอะไรบ้างมาดูกันเลย

อาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย

1.อาหารโปรตีน

สำหรับคนที่เพิ่งหายป่วย ควรเน้นรับประทานอาหารประเภทโปรตีนให้มากๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น และโปรตีนยังช่วยเสริมกล้ามเนื้อให้แข็งแรง  ทดแทนสิ่งที่ขาดไปในระหว่างที่ป่วยได้ดี ซึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนสูงก็จะเป็นจำพวกเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ปลา ถั่วชนิดต่างๆ เป็นต้น

2.นมและผลิตภัณฑ์จากนม

ควรบำรุงร่างกายให้กลับมาแข็งแรงด้วยการดื่มนม และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากนม ไม่ว่าจะเป็น โยเกิร์ต ซีส หากรับประทานได้จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่สำคัญหลากหลายชนิด เช่น แคลเซียม โปรตีน และวิตามิน และยิ่งใครที่ยังกินอะไรไม่ค่อยได้ การดื่มนมจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารทดแทนได้ดี

3.ผักและผลไม้

เป็นที่ทราบกันดีว่าผักและผลไม้อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นจึงควรกินผักและผลไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารและวิตามินเกลือแร่อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ก็ต้องล้างทำความสะอาดให้ดีก่อนรับประทานด้วย เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง และติดเชื้อโรคต่างๆ นั่นเอง

4.เติมไขมันดีให้ร่างกาย

หลังจากที่หายป่วยควรเติมไขมันดีให้กับร่างกายบ้าง เพราะไขมันดีเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะคนที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการป่วย เพราะไขมันดีเป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันดอกทานตะวัน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเกลือแร่ต่างๆ ได้ดี

5.อาหารเสริม 

สำหรับคนที่เพิ่งหายป่วยและยังมีอาการที่ไม่อยากอาหาร จมูกยังไม่ได้กลิ่น ลิ้นยังไม่รู้รสชาติ และยังคงมีอาการที่หายใจติดขัด การทานอาหารเสริมก็จะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดี โดยจะเป็นอาหารเสริมชนิดชงดื่มหรือแบบแคปซูลก็ได้ โดยเลือกที่มีสารอาหารที่ครบครันหรือที่นักโภชนาการแนะนำก็จะยิ่งดี เพราะจะช่วยฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น

หลังจากที่หายป่วย ควรรีบฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม และอาหารที่เราได้แนะนำมานี้จะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของคุณได้ดีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็ควรรับประทานอาหารโดยแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อ ทานบ่อยๆ และหากอยากฟื้นฟูกล้ามเนื้อก็สามารถเติมอาหารจำพวกโปรตีนให้มากหน่อยได้ ไม่นานร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอย่างแน่นอน

1 มกราคม 2022 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
ความงาม

5 สิ่งที่ทำให้ผิวพังรู้แล้วควรเลี่ยงเด็ดขาด

by womensocool 31 ธันวาคม 2021
written by womensocool

คุณเคยสังเกตตัวเองไหมว่าทำไมอยู่ดี ๆ ผิวที่เคยมีสุขภาพที่ดี มีความชุ่มชื้น สดใส กลับกลายมาเป็นผิวพัง ผิวที่แห้ง โทรม มีริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งหลาย ๆ ครั้งอาจจะหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไรกันแน่นอน ทั้งที่ก็ดูแลผิวเป็นอย่างดี หากคุณยังคงสงสัยว่าทำไมผิวพังแบบไม่รู้ตัว วันนี้เรามี 5 ตัวการที่ทำลายผิวมาบอกให้รู้กันแล้ว เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวถูกทำร้ายอีกนั่นเอง

ผิวพัง

1.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิด

คุณอาจจะมองว่าผลิตภัณฑ์นี้ก็ดี ครีมบำรุงผิวนั้นก็ดี เลยตัดสินใจเลือกใช้ไปพร้อม ๆ กันซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่า การที่คุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิดพร้อมกันนั้นเป็นพฤติกรรมทำร้ายผิวที่คุณแทบจะไม่รู้ตัวเลยทีเดียว เพราะสารที่อยู่ในผลิตภัณฑ์แต่ละตัวอาจเกิดปฏิกิริยากันจนทำให้เกิดผลเสียต่อผิวได้ ดังนั้นเลือกใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีกว่า 

2.อาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ ทำให้ผิวพัง

การอาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ จะทำให้ผิวแห้งอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าการอาบน้ำอุ่นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายก็ตาม แต่หากอาบน้ำอุ่นบ่อยเกินไปยังไงก็ทำร้ายผิวแน่นอน เพราะฉะนั้นหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรอาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ หรือจะอาบน้ำอุ่นก็ควรบำรุงผิวให้เหมาะสมด้วย

3.ใช้ผ้าเช็ดหน้าแรง ๆ 

ผิวหน้าจะมีความบอบบางมากที่สุด เพราะฉะนั้นหลังจากล้างหน้าแล้วมาเช็ดหน้าแรง ๆ ด้วยผ้าขนหนูที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นแตกได้ง่าย ทั้งยังทำร้ายผิวในระยะยาวอีกด้วย เพราะฉะนั้นควรเลือกใช้ผ้าขนหนูที่นุ่ม และเช็ดเบา ๆ จะดีกว่า

4.พักผ่อนไม่เพียงพอ 

การพักผ่อนไม่เพียงพอนอกจากจะทำร้ายสุขภาพแล้วยังทำร้ายผิวของคุณแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย เพราะฉะนั้นพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ และบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการมีสุขภาพผิวและสุขภาพร่างกายที่ดีอยู่ตลอดเวลานั่นเอง 

5.ออกนอกบ้านไม่ทาครีมกันแดด 

ไม่ว่าในวันนั้น ๆ จะมีแดดหรือไม่มีก็ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป ซึ่งการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องก็คือ ควรทาก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 30 นาที นอกจากการทาครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย 

หากสังเกตเห็นว่ามี 5 ตัวการทำร้ายผิวดังกล่าวเกิดขึ้นกับคุณ ลองหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้กันดู แล้วหันมาดูแลผิวให้ดีขึ้น ด้วยการบำรุงผิวอย่างถูกวิธีเพื่อจะได้ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมามีสภาพที่สดใสดังเดิม ทั้งนี้สิ่งสำคัญในการดูแลผิวให้มีสุขภาพที่ดีอยู่ตลอดเวลาต้องไม่ลืมว่าการดื่มน้ำวันละ 8-9 แก้วก็เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผิวสวยมีสุขภาพที่ดีได้ด้วยเช่นกัน

31 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
สุขภาพ

5 ผลไม้บรรเทาอาการไอ แก้เจ็บคอ

by womensocool 30 ธันวาคม 2021
written by womensocool

หากเมื่อไหร่ที่มีอาการรู้สึกเจ็บคอ คอแห้ง แต่ไม่อยากกินยาวันนี้เรามี 5 ผลไม้แก้เจ็บคอ และช่วยบรรเทาอาการไอได้ดีมาฝาก ซึ่งนอกจากจะเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการไอได้แล้วยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย มาดูกันเลยว่ามีผลไม้ชนิดไหนบ้าง

บรรเทาอาการไอ

1.มะนาว บรรเทาอาการไอ

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ามะนาวนั้นเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ดีมาก เนื่องจากมะนาวมีวิตามินซีสูง มีกรดซิตริก ที่จะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ดี ทั้งยังทำให้รู้สึกชุ่มคออีกด้วย หากดื่มน้ำมะนาวคู่กับน้ำผึ้งจะยิ่งช่วยลดอาการแก้เจ็บคอให้บรรเทาลงได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม

2.ส้ม 

ส้มเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเช่นกัน ซึ่งรสเปรี้ยวของส้มจะช่วยให้ชุ่มคอมากขึ้น ส่งผลทำให้รู้สึกเจ็บคอน้อยลง ดังนั้นหากคุณมีอาการไอบ่อย ๆ การทานส้มอย่างน้อยวันละ 3 ผล หรือดื่มเป็นน้ำผลไม้สดก็ได้ รับรองเลยว่าอาการไอที่เป็นอยู่จะต้องค่อย ๆ หายดีแน่นอน อีกทั้งยังช่วยเสริมภูมิต้านทานอีกด้วย

3.มะดัน

หากรู้สึกเจ็บคอ มีอาการไอ มีเสมหะ ลองหามะดันมาทานเล่นดูสิ รสชาติที่เปรี้ยวของมะดันจะลดอาการเจ็บคอได้ เพราะในมะดันนั้นจะมีวิตามินซีสูงมาก ๆ ทำให้มะดันมีสรรพคุณในการแก้เจ็บคอ แก้ไอได้ดีนั่นเอง อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยขับเสมหะได้ด้วย เรียกได้ว่ามากไปด้วยประโยชน์จริงๆ

4.เสาวรส 

เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวแต่เปี่ยมไปด้วยวิตามินซีที่สูงมากทำให้ช่วยลดอาการเจ็บคอได้ดี ไม่เพียงแค่นี้เพราะเสาวรสยังสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ทำให้ชุ่มคออยู่ตลอดเวลา ดังนั้นอาการเจ็บคอจึงน้อยลงและค่อยๆ หายไปในที่สุด ใครที่รู้สึกเจ็บคอ ไม่ค่อยสบาย ก็ลองกินเสาวรสกันดู

5.มะขาม 

ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ทั้งยังสามารถหาทานได้ไม่ยากอีกด้วย เพราะเป็นผลไม้ที่มีทุกฤดู และด้วยการเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ทำให้การทานมะขามสามารถช่วยลดอาการหวัด อาการเจ็บคอได้ด้วยดังนั้นหากคุณมีอาการเจ็บคออยากกินอะไรเปรี้ยวๆ  เพื่อบรรเทาอาการ การกินมะขามก็จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน อาจจะทานแบบจิ้มเกลือหรือทานสดๆ ก็ได้ 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นผลไม้แก้เจ็บคอที่ LOTTOSOD365 นำมาฝาก เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่มีความรู้สึกว่าเริ่มมีอาการเจ็บคอ ก็ลองหาซื้อผลไม้ต่าง ๆ เหล่านี้มาทานได้เลย รับรองเลยว่าอาการไอและเจ็บคอจะต้องบรรเทาลงและหายสนิทอย่างแน่นอน

30 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
สุขภาพ

8 เมนูลดน้ำหนัก แคลอรี่ต่ำ ช่วยให้ผอมได้เร็วขึ้น

by womensocool 29 ธันวาคม 2021
written by womensocool

หลายคนชอบบ่นว่า ตัวเองอ้วน แต่กลับตามใจปากจนเผลออีกที ก็อ้วนแบบไม่รู้ตัวไปแล้ว หากคุณกำลังตกอยู่ในภาวะอ้วน วันนี้ womensocool มี 8 เมนูลดน้ำหนัก แคลอรี่ต่ำมาฝาก ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าผอมเร็ว อร่อยด้วยแน่นอน จะมีเมนูอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

1.ผัดผักรวมมิตร 

ผัดผักรวมมิตร เป็นเมนูสุขภาพที่สามารถทานได้ไม่เบื่อ ทั้งยังทานได้ ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย โดยการผัดนั้นแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมัน เพื่อจะได้ลดไขมัน และเพื่อคงคุณค่าทางสารอาหารให้ครบถ้วนที่สุด

2.ปลาดอลลี่นึ่งจิ้มแจ่ว 

ปลาเป็นเมนูที่สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีมาก ๆ ซึ่งปลาดอลลี่นึ่งก็เป็นเมนูหนึ่งที่เหมาะกับการลดความอ้วนที่สุด อาจจะทานคู่กับข้าวไรซ์เบอรี่ก็ได้ นอกจากช่วยควบคุมน้ำหนักได้แล้วยังอร่อยไม่น้อยเลยทีเดียว 

3.ขนมกล้วย 

เป็นขนมหวานที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน เพราะคุณจะได้รับประโยชน์จากกล้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้แล้ว ยังอร่อยและอิ่มอีกด้วย

4.ต้มจืดไข่น้ำ 

หลายคนชื่นชอบเมนูนี้มาก ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่กำลังลดน้ำหนักและเด็ก ๆ  เพราะเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายแต่บอกเลยว่าประโยชน์เยอะมาก ๆ กินได้แบบไมต้องกลัวอ้วนเลย

5.น้ำพริกปลาทู 

น้ำพริกปลาทูเป็นเมนูที่ทานคู่กับอะไรก็อร่อยมาก ๆ หากคุณกำลังควบคุมอาหารและลดน้ำหนักอยู่เมนูนี้เหมาะกับคุณไม่น้อยเลยทีเดียว และเมื่อทานคู่กับผักก็จะช่วยลดน้ำหนักได้มากขึ้นไปอีก

6.แซนด์วิชทูน่า 

เมนูที่สามารถควบคุมอาหารได้ดีอีกหนึ่งเมนู เรียกว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้ดีมาก ๆ ไม่ต้องทานเยอะก็อิ่มไปได้ทั้งวัน อาจจะเลือกใช้เป็นขนมปังโฮลวีทมาทำเป็นแซนด์วิช พร้อมกับเลือกผักที่ชอบ และทูน่าเป็นไส้ได้เลย 

7.ลาบเห็ดกุ้งหมูสับ 

เมนูลดน้ำหนักไม่ได้มีแค่อาหารจืด ๆ เท่านั้นนะ แต่เมนูลาบเห็ดก็เป็นเมนูลดน้ำหนักได้ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญนอกจากจะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้แล้วยังมีรสชาติที่แซ่บและอร่อยมาก 

เมนูลดน้ำหนัก

8.สเต็กอกไก่ เมนูลดน้ำหนักสุดฮิต

เมื่อพูดถึงเมนูลดน้ำหนักหลายคนก็คงนึกถึงเมนู สเต็กอกไก่ เพราะนี่คืออาหารที่มีโปรตีนสูง ทั้งยังมีแคลอรี่ที่น้อยมากอีกด้วย ซึ่งการทานเนื้อไก่นั้นจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นาน จึงช่วยลดน้ำหนักได้ดีนั่นเอง 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเมนูลดความอ้วนที่เรานำมาฝาก มีเมนูไหนที่คุณชื่นชอบอยู่หรือไม่ ดังนั้นหากต้องการลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร เมนูเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณกลับมาผอมได้อย่างแน่นอน 

29 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
บำรุงผิวความงามเครื่องสำอาง

เคล็ดลับ! บอกลาปัญหาผิวหน้ามัน ให้ผิวดูสวยใสขึ้น

by womensocool 28 ธันวาคม 2021
written by womensocool

ปัญหาหน้ามันเป็นปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่แน่นอน ซึ่งปัญหาของการเกิดหน้ามันนั้นก็จะเกิดจากหลายสาเหตุแลtหลายปัจจัยด้วยกัน โดยนอกจากจะเป็นปัญหากวนใจแล้ว ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย เราเลยได้มีการรวบรวมเคล็ดลับบอกลาปัญหาผิวหน้ามันมาฝากดังนี้ 

หน้ามัน

1.ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วยลดหน้ามัน

การดื่มน้ำเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น และยังช่วยลดปัญหาผิวหน้ามันได้ด้วย ซึ่งการดื่มน้ำควรจิบทีละน้อย ๆ ไม่ควรดื่มครั้งละเยอะ ๆ ในทีเดียว โดยการดื่มน้ำจะช่วยให้ผิวของคุณมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถขับของเสียออกมา ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพที่ดี ผิวสวย ไม่มันอีกด้วย

2.หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนาน ๆ 

เพราะแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำร้ายผิวของคุณให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ง่าย นอกจากจะทำให้เกิดผิวหน้ามันแล้วยังทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำต่าง ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นแล้วควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนาน ๆ และควรหมั่นบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการทาครีมกันแดดที่จะขาดไม่ได้เลย

3.ทำความสะอาดใบหน้าบ่อย ๆ 

ยิ่งผิวหน้ามีความสกปรกหรือมีการสะสมสิ่งสกปรกบนใบหน้าบ่อย ๆ และนาน ๆ จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาผิวหน้ามันได้ง่าย และไม่เพียงแค่นี้ยังทำให้เกิดสิว ผิวหน้าหมองคล้ำได้ด้วย เพราะฉะนั้นแล้วคุณควรที่จะดูแลทำความสะอาดผิวหน้าอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะก่อนเข้านอน ควรมั่นใจว่าล้างเครื่องสำอางออกหมดแล้ว เพื่อสุขภาพผิวที่ดีนั่นเอง ซึ่งการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดควรใช้โทนเนอร์ล้างหน้า เพราะจะสามารถทำความสะอาดได้ทุกรูขุมขน

4.หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน 

เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ ทำให้หลายคนเกิดปัญหาผิวมันบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นแล้วหากคุณ ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา ผิวหน้ามันควรหลีกเลี่ยง การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสม ของน้ำมัน และที่สำคัญควร เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ เหมาะสมกับผิวหน้า มากที่สุด เพื่อเป็นการบำรุงผิวที่ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเคล็ดลับ แก้ปัญหาผิวมันง่าย ๆ ที่ทุกคนก็สามารถทำได้ ดังนั้นแล้วหากใครที่กำลังมีปัญหาผิวหน้าอยู่ละก็ สามารถที่จะนำวิธีดังกล่าวไปใช้ได้เลย รับรองเลยว่าคุณจะต้องกลับมามีสุขภาพผิวที่ดีอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามนอกจากวิธีดังกล่าวแล้ว คุณควรที่จะดูแลสุขภาพให้ดีอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

28 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
สุขภาพ

5 สิ่งที่ควรทำ เพื่อลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ

by womensocool 27 ธันวาคม 2021
written by womensocool

โรคหัวใจถือเป็นโรคที่อันตรายเป็นอันดับต้นๆ เลย เพราะหากเกิดหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นมาก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ การดูแลป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจจึงสำคัญมาก เพราะหัวใจมีเพียงแค่ดวงเดียว จึงอยากให้ทุกคนหันมาตระหนักให้ความสำคัญดูแลป้องกันให้ห่างไกลโรคหัวใจ วันนี้เราจึงมี 5 สิ่งที่ควรทำเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจมาฝากจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย

โรคหัวใจ

1.หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงาน ไขมันส่วนเกินและยังช่วยให้หัวใจมีอัตราการเต้นที่เหมาะสมด้วย การออกกำลังกายที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเต้นประมาณ 140 ครั้งต่อนาทีจะช่วยให้หัวใจแข็งแรง และควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง โดยจะออกในช่วงเวลาไหนก็ได้แล้วแต่ความสะดวก

2.ทานปลาบำรุงหัวใจ

การรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจอย่างเช่น ปลาน้ำจืดหรือปลาทะเลที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ เพราะมีผลวิจัยจากวารสาร JAMA ได้ระบุว่าการที่ร่างกายมนุษย์ได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยลดการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดโดยเฉียบพลันได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารจำพวกปลาอย่างเช่น ปลาแซลมอน ปลาทู ปลาดุก และปลาช่อนเป็นประจำ 

3.เลี่ยงไขมันทรานส์

ไขมันทรานส์ คือไขมันเพิ่มระดับไขมันเลว ซึ่งเป็นการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันทำให้น้ำมันมีสภาพกึ่งเหลวกึ่งแข็ง มักนิยมนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเบเกอร์รี่ พาย  เวเฟอร์ โดนัท ครีมเทียม มาการีน และอาหารจำพวกจังก์ฟู๊ดส์ หากรับประทานเข้าไปจะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดในหัวใจ และหากบริโภคเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดโรคหัวใจได้ ดังนั้นจึงควรเลี่ยง

4.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับร่างกาย เพราะร่างกายของคนเราต้องการเวลานอนเพื่อที่จะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สำหรับใครที่อยากมีหัวใจที่แข็งแรงควรนอนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และจะต้องนอนให้หลับลึกเพื่อให้ตื่นมาแล้วแจ่มใส เพราะในช่วงที่หลับลึกสมองและหัวใจจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ กล่าวคือ อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตจะลดลง การเต้นของหัวใจก็จะลดลงเหลือเพียง 60 ครั้งต่อนาทีเท่านั้น และจะทำให้ร่างกายหลั่งโกรธฮอร์โมนออกมาด้วยนั่นเอง

5.จัดการความเครียดให้อยู่หมัด

ความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้ร่างกายของคนเราเกิดโรคขึ้นได้หลายๆ อย่าง ถึงแม้ว่าร่างกายจะแข็งแรงเพียงใดแต่หากเกิดความเครียดก็จะเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจได้ โดยความเครียดที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน อย่างเช่น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปก็เพิ่มโอกาสการเสียชีวิตของคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วได้สูงถึง 2-3 เท่าเลย และหากใครที่มีภาวะซึมเศร้าโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคหัวใจร่วมด้วยก็มีสูงด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการจัดการความเครียดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจนั่นเอง

ปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจมากเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอาหาร ภาวะความเครียด ทำให้เกิดโรคหัวใจได้ หากอยากห่างไกลโรคหัวใจควรหมั่นออกกำลัง  พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้มีประโยชน์และควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจได้แล้ว

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

27 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
สุขภาพ

ปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติ เช็คด่วน! อาจเป็นช็อกโกแลตซีสต์

by womensocool 25 ธันวาคม 2021
written by womensocool

ผู้หญิงหลายคนเมื่อถึงรอบเดือนก็มักที่จะมีอาการปวดท้องประจำเดือน ซึ่งบางคนก็มีอาการปวดที่รุนแรง ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าอาการปวดท้องประจำเดือนนั้นหากมีอาการปวดที่รุนแรง อาจจะเกิดจากช็อกโกแลตซีสต์ก็ได้ ซึ่งหากใครที่มีอาการปวดบ่อย ๆ และสังเกตได้ว่าเป็นอาการปวดที่ผิดปกติ ต้องรีบมาเช็คกันเลยว่าคุณกำลังเป็นโรคนี้อยู่หรือไม่

ช็อกโกแลตซีสต์ คืออะไร

ช็อกโกแลตซีสต์ คือ ภาวะที่แพทย์ได้กล่าวไว้ว่าเกิดจากการที่ เลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับ คือแทนที่จะมีการไหลออกจาก ช่องคลอด แต่กลับมีประจำเดือนไหลกลับย้อนไปในช่องคลอดเข้าไปในมดลูกและเข้าไปอยู่ในช่องท้อง เพื่อทำการฝังตัวที่รังไข่ จนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำ หรือถุงที่มีเลือดคลั่ง และเข้าไปเจริญเติบโตตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น มดลูก ท่อรังไข่ ลำไส้ช่องคลอด เป็นต้น 

อาการของโรคนี้

สำหรับอาการของโรคนี้สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองง่าย ๆ คือ 

  • 1.ปวดท้องมากขนะที่มีประจำเดือน และมักจะมีอาการที่ปวดรุนแรงมากขึ้น โดยอาการปวดนี้จะปวดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ปวดตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ยังมักจะมีอาการปวดที่รุนแรงมากเมื่อมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย 
  • 2.มีประจำเดือนมามากผิดปกติโดยมีนานกกว่า 7 วัน และมีเลือดออกผิดปกติอีกด้วย ซึ่งในส่วนตรงนี้เราสามารถสังเกตได้ง่าย 
  • 3.ปัสสาวะบ่อยมากขึ้นซึ่งมากกว่าปกติที่เคยเป็นนั่นอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเกิดจากซีสต์ที่มีขนาดใหญ่ เข้าไปเบียดกระเพาะปัสสาวะจนส่งผลทำให้เกิดการปัสสาวะบ่อย ๆ นั่นเอง 
ช็อกโกแลตซีสต์

วิธีการรักษา

หากเราสามารถพบและรู้ได้ว่ามีภาวะช็อกโกแลตซีสต์ ก็จะสามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆซึ่งก็จะเป็นการรักษาที่ดีและโอกาสที่จะเสียชีวิตก็มีน้อยมากอีกด้วย แต่หากใครที่มีอาการไม่รุนแรงแพทย์ก็จะทำตามการรักษาและติดตามอาการเป็นระยะ ส่วนใครที่มีอาการรุนแรงแพทย์ก็จะทำการรักษาด้วยการใช้ยา หรือหากการใช้ยายังไม่ช่วยให้มีอาการที่ดีขึ้น แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดทันที โดยในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการผ่าตัดส่องกล้อง เพราะทำง่ายและฟื้นฟูเร็วกว่า

ช็อกโกแลตชีสต์เป็นโรคที่อันตรายและน่ากลัวอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจะเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็มี เพราะฉะนั้นแล้วหากคุณมีอาการปวดท้องที่รุนแรง และดูผิดปกติก็ลองสังเกตอาการดูว่าเสี่ยงที่จะเป็นช็อกโกแลตซีสต์หรือไม่ ถ้าตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะรักษาได้ทันและไม่เป็นอันตรายมากนัก โดยคุณไม่ควรมองข้ามโรคนี้เลยเชียว

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

25 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
สุขภาพ

เช็คด่วน! ห้ามกินทุเรียนกับอะไรบ้าง และเหตุผลที่ต้องรู้

by womensocool 24 ธันวาคม 2021
written by womensocool

เชื่อว่า หลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า เราไม่ควรกินทุเรียนคู่กับอะไร เพราะจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมาภายหลังได้นั่นเอง แต่หากคุณยังไม่รู้ว่า ทุเรียนไม่ควรกินคู่กับอะไรบ้าง วันนี้เราก็ได้นำข้อมูลมาบอกให้รู้กันแล้ว ดังนั้นไปดูกันเลย

ทุเรียน

1.ห้ามกินทุเรียนคู่กับเหล้า 

อันนี้ หลายคนก็คงรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และมักจะมีข่าวออกมาให้เห็นบ่อย ๆ ว่ามีการเสียชีวิตเกิดขึ้นมากมาย นั่นก็เพราะว่าการกินเหล้าคู่กับทุเรียน จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานที่สูงมาก ๆ ส่งผลให้ระบบการเผาผลาญ ในร่างกายทำงานหนัก และยังทำให้มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นด้วย เมื่อร่างกายร้อน และขาดน้ำ โอกาสที่จะเสียชีวิตจึงมีสูงนั่นเอง 

2.ห้ามกินทุเรียนคู่กับขนมหวาน 

ไม่ควรกินคู่กับขนมหวาน เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลที่มากขึ้น เพราะทุเรียนก็มีน้ำตาลสูงอยู่แล้ว หากทานคู่กับขนมหวานจะยิ่งทำให้ร่างกาย ได้รับปราณน้ำตาลที่สูงจนเกินไป ดังนั้นหากจะกินทุเรียน แนะนำว่าควรกินทุเรียนอย่างเดียว ไม่ควรกินคู่กับขนมปัง น้ำหวาน ที่สำคัญ หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงจะดีกว่า อย่างพวก ข้าวเหนียวทุเรียน เค้กทุเรียน เป็นต้น 

3.ห้ามกินทุเรียนกับลำไย 

ทุเรียนและลำไย เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงมาก หากกินพร้อมกัน ก็จะทำให้มีพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังทำให้ร่างกายเกิดความร้อนได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ดังนั้นหากกินผลไม้ 2 อย่างนี้ให้เลือกกินเพียงอย่างเดียว หรือกินทีละอย่างดีกว่า เพื่อลดความเสี่ยงของอาการร้อนใน โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด และควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัดด้วย 

4.ห้ามกินทุเรียนกับน้ำอัดลม 

ทุเรียนกับน้ำอัดลม เป็นสิ่งที่ไม่ควรทานคู่กันอย่างมาก เนื่องจากทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ไขมันสูง ทั้งยังเป็นอาหารที่ย่อยยากอีกด้วย หากกินทุเรียนพร้อมกับน้ำอัดลม น้ำตาลจะสูงมาก และมีกรดคาร์บอนิก หากกินในเวลาเดียวกัน จะทำให้เกิดอาการท้องอืด เนื่องจากร่างกายได้รับน้ำตาล ในปริมาณที่สูงจนเกินไป จึงส่งผลทำให้ปริมาณน้ำตาล ในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นเอง 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมากินคู่กับทุเรียน เพราะจะทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เพราะฉะนั้นแล้วหากเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดีและเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะต่าง ๆ ได้ด้วยนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้วหากคุณต้องการที่จะกินทุเรียนแนะนำว่าให้เลือกกินทุเรียนเพียงอย่างเดียวจะดีกว่า และที่สำคัญก็ไม่ควรกินเยอะเกินไปด้วย เพราะจะทำให้ร้อนในได้

อ่านเพิ่มเติม : womensocool

24 ธันวาคม 2021 0 comment
0 FacebookTwitterPinterestEmail
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4

ติดตามเรา

Facebook Twitter Instagram Youtube

หมวดหมู่

  • ความงาม (12)
  • ทรงผมผู้หญิง (2)
  • บทความ (2)
  • บำรุงผิว (6)
  • สุขภาพ (24)
  • เครื่องสำอาง (1)
  • ไม่มีหมวดหมู่ (286)

ผู้สนับสนุนเว็บ

  • horoupdate.com
  • lifestyledd.com
  • petssocool.com
  • travelsocool.com
  • sexlifesocool.com
  • seriesocool.com

บทความโดดเด่น

  • 1

    เคล็ดลับผิวสวย ผิวดูสุขภาพดี ที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรัก

    4 ธันวาคม 2021
  • 2

    5 ที่ดัดขนตา เนรมิตขนตาให้งอนสวย ดูเป๊ะมากขึ้น

    11 มกราคม 2022
  • 3

    ไอเป็นเลือด อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

    7 มกราคม 2022
  • 4

    สีกระเป๋าสตางค์ เรียกทรัพย์ ใช้แล้วเงินปัง

    10 มกราคม 2022

womensocool แนะนำ

  • 6 อาหารคุมน้ำตาลในเลือด เหมาะกับคนเป็นเบาหวานที่สุด

    13 มกราคม 2022
  • น้ำมูกสีไหน บอกอะไรบ้าง คุณกำลังป่วยเป็นอะไรกันแน่

    12 มกราคม 2022
  • 5 ที่ดัดขนตา เนรมิตขนตาให้งอนสวย ดูเป๊ะมากขึ้น

    11 มกราคม 2022
  • สีกระเป๋าสตางค์ เรียกทรัพย์ ใช้แล้วเงินปัง

    10 มกราคม 2022
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Youtube

@2020 - All Right Reserved. Designed and Developed by womensocool.com


Back To Top