รู้หรือไม่ว่า น้ำมูกสามารถบ่งบอกถึงอาการป่วยของเราได้ ว่ากำลังป่วยเป็นอะไร ติดเชื้อประเภทไหน หรือใกล้จะหายป่วยแล้วหรือยัง ซึ่งจะสังเกตได้ว่าน้ำมูกของเราบางทีก็มีสีที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่าน้ำมูกสีไหนบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง แบบไหนอันตรายไม่อันตราย

1.น้ำมูกใส
น้ำมูกใสจะประกอบไปด้วยน้ำแอนติบอดีที่ต่อต้านเชื้อโรค เกลือ และ โปรตีน โดยน้ำมูกสีใสนั้นจะพบได้เมื่อมีการสูดดมฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไป ทำให้จมูกของเรามีการผลิตน้ำมูกใสออกมาเพื่อเป็นการล้างสิ่งสกปรกที่เข้าไปในจมูก หรือในคนที่เป็นหวัดเมื่อเริ่มมีน้ำมูกใส อาจจะสื่อให้เห็นว่านั่นคือสัญญาณของโรคภูมิแพ้
2.น้ำมูกสีเหลือง
เป็นการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในโพรงจมูก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายส่งเซลล์ต้านเชื้อออกมานั่นเอง ส่งผลทำให้เชื้อตายไปปนกับเมือกและหนองต่าง ๆ จึงเกิดเป็นน้ำมูกเหลือง นอกจากนี้การที่น้ำมูกค้างอยู่ในโพรงจมูกเป็นเวลานาน ๆ ในช่วงที่เรานอนหลับจะเกิดการรวมตัวของสารคัดหลั่งทำให้เกิดเป็นน้ำมูกเหลืองแม้จะไม่ได้มีการติดเชื้อใด ๆ ก็ตาม แต่จะเป็นเฉพาะเวลาตื่นนอนเท่านั้น
3.น้ำมูกสีเขียว
เราจะพบน้ำมูกสีเขียวได้บ่อย ๆ เมื่อเกิดอาการภูมิแพ้ จากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงโรคไซนัสอักเสบอีกด้วย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เยื่อบุจมูกบวมและมีการสร้างน้ำมูกมากกว่าปกติ เมื่อร่างการมีการติดเชื้อจะมีการส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับเชื้อ และเซลล์เหล่านี้ก็จะทำให้น้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองได้ ซึ่งการที่มีน้ำมูกเป็นสีเขียวนั้นหมายความว่ามีการติดเชื้อที่รุนแรงกว่าน้ำมูกสีเหลือง
4.น้ำมูกสีเทา
ส่วนใหญ่เราจะพบน้ำมูกสีเทาในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ที่ติดเชื้อไวรัส ทั้งยังเจอในคนที่ป่วยเป็นริดสีดวงจมูกอีกด้วย โดยการที่น้ำมูกมีสีเทาก็เกิดจากสารคัดหลั่งเข้มข้นขึ้น ทำให้จากที่มีน้ำมูกสีใส ๆ กลายมาเป็นน้ำมูกสีขุ่นและเป็นสีเทา ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษา โดยเฉพาะหากเป็นริดสีดวงจมูก จะปล่อยไว้นานๆ ไม่ได้เลยเชียว
ใครมีการเปลี่ยนแปลงสีของน้ำมูกเป็นอย่างไรกันบ้างก็ลองสังเกตตัวเองดู เพราะสีของน้ำมูกสามารถบ่งบอกอาการป่วยได้จริง แต่อย่างไรก็ตามหากรู้สึกป่วยหรือไม่สบายควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคที่แม่นยำจะดีกว่า จะได้รักษาได้อย่างถูกต้องนั่นเอง